การฉีดโบท็อกซ์หรือ “โบทูลินัมท็อกซิน” ลดริ้วรอยบนใบหน้า หรือลดกรามหน้าเรียว ปัจจุบันมีการฉีดเยอะ และมีหลายแบรนด์หรือหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ ทั้งอเมริกา อังกฤษ เยอรมัน และเกาหลี แต่ละยี่ห้อก็จะมีเทคโนโลยีการผลิต คุณสมบัติเด่น และขนาดโมเลกุลที่แตกต่างกันไป

ถ้าเราเปลี่ยนยี่ห้อโบท็อกซ์ได้หรือไม่?

คำตอบคือ “ได้”  แต่ควรเว้นระยะเวลาการฉีดประมาณ 4-6 เดือนต่อ 1 ครั้ง ให้เวลาโบท็อกซ์ได้ออกฤทธิ์เต็มที่ก่อนที่จะทำการฉีดครั้งถัดไป เพื่อป้องกันอาการดื้อโบท็อกซ์

สำหรับผู้ที่อยากเปลี่ยนยี่ห้อโบท็อกซ์ แต่ความกังวลคือ “อาการดื้อโบท็อกซ์” แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ หลักๆ เกิดจากการที่ร่างกายของเราสร้างภูมิต้านทาน หรือ แอนติบอดี ขึ้นมาต่อต้านโปรตีนที่เกาะอยู่กับสารโบทูลินัมท็อกซินทำให้โบท็อกซ์ของเราไม่สามารถออกฤทธิ์ไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อที่ช่วยลดริ้วรอย หรือลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณที่เราต้องการได้ เกิดได้จาก 3 ปัจจัยหลักๆคือ

ตัวของลูกค้าเอง พบว่าพันธุกรรมของผู้รับบริการบางราย ร่างกายเกิดการต่อต้านสารโบทูลินัมท็อกซินขึ้นมาเอง ปัจจัยนี้เกิดขึ้นเฉพาะบุคคลและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

พฤติกรรมการฉีด พบว่าความถี่และปริมาณการฉีดโบท็อกซ์ที่ได้รับในแต่ละครั้ง มีความสัมพันธ์กับการดื้อ เช่น ฉีดโบท็อกซ์ซ้ำบ่อยๆ เกินปีละ 3 ครั้ง และได้รับปริมาณที่สูงกว่า 100 ยูนิตต่อครั้ง อาจก่อให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์ได้มากขึ้น

ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ สัมพันธ์กับคุณสมบัติของขนาดโมเลกุลโปรตีนที่ล้อมรอบสารโบทูลินัมท็อกซิน หากโปรตีนดังกล่าวมีขนาดที่ใหญ่ มีโอกาสที่จะกระตุ้นให้เกิด Antibody ต่อสารโบทูลินัมท็อกซินได้มากขึ้น หรืออาการดื้อโบท็อกซ์

 

ดังนั้น ควรเลือกโบท็อกซ์ชนิดที่มีขนาดโมเลกุลเล็กและบริสุทธิ์สูง ที่สำคัญต้องเป็นผลิตภัณฑ์ของแท้ ผ่านการรับรองมาตรฐาน ประสิทธิภาพ ความปลอดภัยจาก อ.ย.ไทย และต่างประเทศ

หลีกเลี่ยงการใช้ ยาปลอม หรือยาหิ้วที่ไม่ผ่าน อ.ย.ไทย เพราะเราไม่สามารถมั่นใจได้ว่า ส่วนผสมในขวดนั้นมีสารโบทูลินัมท็อกซินปริมาณเท่าไร และไม่สามารถมั่นใจความบริสุทธิ์ของท็อกซินในขวดได้ ยิ่งถ้ามีสารแปลกปลอมก็จะยิ่งทำให้โอกาสการดื้อโบทูลินัมท็อกซินเกิดได้เร็วขึ้นด้วยค่ะ